(ROV) ชอบเธอ #ElandorrEnzo

Title: ชอบเธอ

Pairing: Eland’orr × Enzo

Rate: PG

Note: Modern AU กับพี่เอลันดอร์และน้องเอนโซ

 

 

 


 

 

 

“แน่ใจแล้วเหรอ ?”

 

“อื้ม”

 

สองเกลอหันมองหน้ากันทันทีเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่อยากจะได้ยินชัดเต็มสองหู เมาเซียเป็นคนที่แสดงสีหน้าออกมาว่าตนนั้นกำลังหนักใจกับเรื่องสำคัญของเพื่อนคนสนิท ส่วนคริซซิสแค่มีสีหน้าตื่น ๆ นิดหน่อยก่อนจะไหลตัวลงไปฟุบกับโต๊ะเหมือนเดิมเมื่อนึกได้ว่า — มันก็ไม่ใช่ธุระของเขาสักหน่อย

 

“เพี้ยนแล้วเอลันดอร์”

 

“ไม่เอาน่าเมาเซีย”

 

“พูดจริง ๆ นะ ฉันจะไม่มีปัญหาเลยถ้ามันไม่ใช่…เด็กคนนั้น”

 

หนุ่มผมทองผุดลุกขึ้นพร้อมชี้นิ้วติดหน้าผากเพื่อนชายก่อนที่น้ำเสียงจะเริ่มแผ่วลงตามระดับพร้อมร่างกายที่ลดต่ำลงไปนั่งที่เดิม เอลันดอร์มองตามสายตาของคนสนิทที่มองข้ามหัวเขาไป

 

นักเรียนคนหนึ่งกำลังเดินผ่านห้องเรียนของพวกเขา, ทั้งการแต่งตัวที่เรียบง่ายทว่าเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงทรงผมของเจ้าตัวทำให้หนุ่มหล่อประจำโรงเรียนยิ้มแฉ่ง ยกมือขึ้นป้องปากตัวเอง

 

“น้องเอนโซครับ”

 

“….”

 

“วันนี้น่ารักจังเลย”

 

เสียงจอแจรอบข้างเงียบไป สายตาหลายคู่หันขวับมาทางเจ้าของเสียงที่เพิ่งเอ่ยชมแกมหยอกเด็กหนุ่มรุ่นน้องไปหยก ๆ มีทั้งบางคนที่หลุดขำ สายตาเลิ่กลั่กจากเพื่อนสนิท รวมถึงสายตาจงเกลียดจงชั— ที่เขม้นมองมา ก่อนจะละความสนใจแล้วสับเท้าผ่านไปทันที

 

เสียงพูดคุยกลับมาครื้นเครงอีกรอบ

 

“เอลันดอร์….” เมาเซียเรียกเสียงครวญ “จะโดนเกลียดเอานะ”

 

เอลันดอร์ขำ จริงอยู่ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายทิ่มทะลุกลางอกคนมองเสียขนาดนั้น แต่เจ้าตัวมั่นใจว่าเอนโซไม่นึกเกลียดเขาอย่างเป็นจริงเป็นจัง อย่างมากอาจจะแค่รำคาญ

 

มือแกร่งเอื้อมไปลูบกลุ่มผมสีทองปุ ๆ ให้อีกฝ่ายวางใจว่าเขาคงไม่โดนหักอกในทิศทางที่โหดร้ายแบบนั้นหรอกน่า “เชื่อมือเถอะ”

 

เสียงส้นสูงที่สับเท้าเข้ามาทำให้เอนลันดอร์ที่หันหลังให้กระดานต้องหันกลับมาในสภาพพร้อมเรียน แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เจ้าหล่อนกำลังจะสอนนักหรอก แท่งปากกาถูกควงซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงไปจดอะไรบางอย่าง

 

หน้าหนูดุแต่พี่ว่าน่ารัก
อยากรู้จักว่าใจร้ายจริงไหม—

 

ไม่ล่ะ ไม่, โคตรเสี่ยว

 

เอลันดอร์เหยียดมุมปากยิ้ม ห่อไหลไม่ให้ตัวเองหลุดขำพรืดออกมากับเนื้อเพลงเพ้อเจ้อที่ตัวเองเขียนลงไป ปกติแล้วเขาออกจะมีอารมณ์ศิลปิน บทกลอนหรือเนื้อเพลงที่เขียนมักจะใช้ถ้อยคำสละสลวย แต่ตอนนี้กลับเหมือนผู้ชายเมารักที่อยากจะเขียนทุก ๆ อย่างที่เป็นความในใจให้อีกฝ่ายได้ฟัง

 

ถ้าไปร้องจีบจริงคงโดนเกลียดแน่ ๆ

 

หนุ่มผมขาวนั่งยืดตัวตรงหลับตาไล่ความฟุ้งซ่านในหัวออก แต่พอนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็หลุดยิ้มขัดเขินออกมาอีกรอบ,

 

จนเพื่อนร่วมห้องชักระอา

 

 

เอลันดอร์ไม่ใช่คนไร้รัก, แน่ล่ะ หนุ่มหล่ออันดับต้น ๆ ของโรงเรียนต้องมีทั้งหญิงชายมากมายเข้าหาและอยากจับจองอยู่แล้ว ทั้งต่างและสถาบันเดียวกัน มีหลายคนที่เขาเองก็รู้สึกชอบพอกับอีกฝ่ายแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสำคัญกับมันมากนัก

 

แต่ดูเหมือนเด็กที่ชื่อเอนโซจะทำให้เจ้าตัวมองข้ามหลายเรื่องและพุ่งเป้าไปที่เด็กคนนั้นอย่างจริงจัง

 

เอลันดอร์เพิ่งเคยสนใจใครคนหนึ่งมาก ๆ…มากเสียจนกลายเป็นชอบ และสุดท้าย เขาอยากได้อีกฝ่ายมาดูแล

 

เอนโซเพิ่งย้ายมาเรียนในเทอมที่แล้ว เอลันดอร์เห็นอีกฝ่ายพร้อมกับคนทั้งโรงเรียน เด็กคนนั้นไม่ใช่บุคคลประเภทที่แปลกสุดโต่ง ก็แค่เด็กธรรมดาที่มีอารมณ์ศิลปินที่สูง มีหน้าตาที่แสดงออกถึงความดุดันไม่เป็นมิตร และไม่ชอบสุงสิงกับใคร

 

เสมือนโลกนี้ไม่มีใครนอกจากเจ้าตัว

 

อิแลนดอร์พอจะรู้จักอีกฝ่ายในฐานะนักเรียนดีเด่น ไม่นานจึงรู้จากสุ้มเสียงรอบข้างว่าเป็นเด็กที่เก่งกาจในเรื่องศิลปะเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นศิลปินคนละแขนง แต่เอลันดอร์อยากจะรู้จักอีกฝ่ายในฐานะคนที่มีอารมณ์ศิลป์เหมือน ๆ กัน

 

แต่กลับโดนปฏิบัติด้วยการเมินเฉย ซึ่งเป็นสิ่งที่เอลันดอร์ไม่เคยได้รับมาก่อน

 

เขาไม่ได้หน้าเสีย แต่ติดใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ยี่หระกับใครต่อใครได้ขนาดนั้น เอลันดอร์จึงลองเข้าหาในหลาย ๆ ครั้ง บางทีอีกฝ่ายอาจจะโลกส่วนตัวสูง หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม, ซึ่งเขาอาจจะช่วยละลายพฤติกรรมนั้นได้

 

จนแล้วจนรอด เอลันดอร์ไม่รู้อะไรเพิ่มเลย

 

ในตอนที่เขาคิดจะเลิกตามราวีชีวิตอีกฝ่ายแล้ว เพราะเจ้าตัวยังคงเมินเฉยและเอลันดอร์คิดว่าอีกฝ่ายคงพอใจที่จะเป็นแบบนั้น แก้วมอคค่าร้อนถูกวางไว้เหมือนทุกครั้งที่หนุ่มรุ่นพี่แวะมาหา เอลันดอร์เอ่ยชมภาพผลงานของอีกฝ่ายก่อนจะปลีกตัวกลับมาที่ห้องชมรมของตัวเอง

 

วันนี้เอลันดอร์ตั้งใจจะทดสอบเพลงฉบับแรกที่เขาเพิ่งเรียบเรียงเสร็จเมื่อคืนนี้ แต่เมื่อเปิดแฟ้มที่ถือติดมือมาด้วยกลับไม่เห็นวี่แววกระดาษแผ่นนั้นอยู่เลย…บางทีอาจจะหล่นหายระหว่างทาง

 

ชมรมดนตรีเปิดกว้าง สมาชิกจะอยู่ที่ห้องหรือออกไปดีดกีตาร์แหกปากที่สนามข้างล่างอาคารก็ย่อมได้ เอลันดอร์จึงเดินย้อนรอยกลับไปเผื่อจะเจอมันตกอยู่ที่ไหนสักที เขาเดินย้อนกลับมาจนถึงห้องของชมรมศิลปะ สีหน้าประหลาดใจถูกแสดงออกมาเมื่อเห็นร่างเด็กหนุ่มแสนคุ้นยืนเกาะระเบียงอาคารอยู่ข้างนอกเพียงคนเดียว ทั้งในมือยังถือปากกาและกระดาษอยู่ด้วย

 

“น้องเอนโซครับ”

 

เขาทัก, อีกฝ่ายตวัดสายตากลับมาอย่างรำคาญ ทั้งคิ้วเรียวขมวดมุ่น แต่เพียงครู่เดียวสีหน้าอีกฝ่ายก็เริ่มต่างออกไป คล้ายว่ากังวล หรือรู้สึกผิด ?

 

เอนโซยื่นกระดาษในมือให้เขา มันคือเนื้อเพลงฉบับแรกที่เขาเพิ่งจะทำหายไป สภาพมันต่างจากเดิมเพราะมีบางจุดถูกขีดฆ่าด้วยสีแดงและเขียนเนื้อร้องอื่นกำกับไว้ด้านบน

 

“ขอโทษ” เอลันดอร์เงยหน้าเพราะเสียงที่ขัดขึ้นมา “โทษที…ลืมตัว ช่างมันเถอะ”

 

แล้วเจ้าตัวหนีกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม

 

 

 

“เยสสส ส — !” นักเรียนส่วนหนึ่งพากันสะดุ้งเมื่อเอลันดอร์ผลักประตูเข้ามาพร้อมแหกปากโวยวายใส่เพื่อนสนิทของตัวเอง เจ้าตัวยิ้มหน้าระรื่นมาแต่ไกล แถมไม่พูดไม่จาอะไรเลยนอกจากการบอกว่า จะเทสเพลงใหม่ให้ฟัง

 

เวลาผ่านไปนาทีกว่า เพลงที่ไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ถูกนำเสนอและได้รับความเห็นจากเพื่อนในกลุ่มเดียวกันว่ามันค่อนข้างใช้ได้

 

“บางสำนวนไม่เหมือนนายเขียน แต่ฟังแล้วเคลิ้มดี” เมาเซียให้ความเห็นดังนั้น

 

เอลันดอร์ยิ้มกว้างพร้อมแก้มที่เจือสีแดงจาง ๆ

 

“มีผู้ช่วยส่วนตัว”

 

.
.
.

 

เสียงครืดข้างตัวทำให้เอนโซหลุดจากโลกของตัวเองแม้สีหน้าไม่ได้แสดงออกมาว่าตกใจ เด็กหนุ่มหันมองคนที่พอจะเดาออกว่าเป็นใครมาเสนอหน้านั่งยิ้มแป้นแล้นใส่ทั้งที่ตัวเองไม่มีธุระสำคัญ

 

หนุ่มผมบลอนด์ถอนหายใจ ตวัดแปรงลงบนแผ่นสีขาวให้มีสีสันและภาพที่ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นอย่างที่ต้องการ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้เพราะสายตาลูกหมาวาววับจากคนข้างตัวที่จ้องอยู่ตลอดเวลาจนมือไม้แข็ง ตวัดแปรงต่อไม่ได้

 

“พี่ทำเราลำบากใช่ไหม ?”

 

“อือ”

 

“ง้อครับ”

 

เมื่อรู้ตัวจึงยื่นแก้วมอคค่าที่ซื้อมาให้แก่อีกฝ่าย เอนโซวางจานสีและแปรงแล้วรับแก้วนั้นมาจิบทีละน้อยถือเป็นน้ำใจและค่าไถ่โทษ คาเฟอีนทำให้เขาอารมณ์ดี, สักพักมือหนาก็เอื้อมมาเสยหน้าม้าสีบลอนด์ที่ยาวปรกคิ้ว เด็กหนุ่มจิ๊ปากรำคาญแต่ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด

 

เมื่อฝ่ามืออุ่นและคาเฟอีนที่ได้รับมากพอจนบรรยากาศอึมครึมรอบตัวเริ่มมลายหายไปทีละน้อย แปรงสีจึงถูกหยิบขึ้นมาละเลงต่ออีกรอบ

 

 

เอนโซหายใจทิ้งรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ กว่าจะเสร็จงานเสร็จอะไรที่โรงเรียนก็ปาเข้าไปเวลาเย็นแล้ว ท้องฟ้าสีแดงส้มทำให้เขาอยากกลับบ้านไปใช้ชีวิตแสนจะส่วนตัวของตัวเองโดยไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายให้นึกรำคาญ เอลันดอร์อาสาจะล้างแปรงให้ ถึงจะเอ่ยปฏิเสธแต่เจ้าตัวก็คว้ามันไปเรียบร้อยแล้วก็เลยต้องมานั่งรออยู่แบบนี้

 

“เสร็จแล้วครับ”

 

หนุ่มรุ่นพี่โผล่ออกมาจากห้องน้ำพร้อมแปรงทั้งหมดที่น่าจะล้างคราบสีที่ติดอยู่ออกไปได้บางส่วน เอนโซรับมันมาและง่วนอยู่กับการเก็บมันใส่กล่องอุปกรณ์ในระหว่างที่อีกฝ่ายชวนคุยอยู่ไม่ขาดปาก

 

“อยากทานอะไรก่อนกลับไหมครับ ?”

 

“ไม่…”

 

“งั้นพี่ไปส่งที่บ้านนะ”

 

เอนโซเงยหน้าขึ้นหลังรูดซิปกระเป๋าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย, สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าปฏิเสธคำขอนั้นทว่าคนถามยังแย้มยิ้มให้ไม่หุบ ร่างสูงของเอลันดอร์ค่อย ๆ ย่อตัวลง สองมือแตะและช้อนที่น่องขาใต้ผ้ายีนส์ตามด้วยเกยคางลงที่เข่าของคนที่นั่งรอเขาอยู่นานนับสิบนาที

 

“จะมืดแล้ว พี่อยากเดินไปส่ง”

 

โทนเสียงของเอลันดอร์น่าฟังอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ได้ยินจะรู้สึกราวกับเสียงนุ่มแผ่ว ๆ นั้นคลออยู่ข้างใบหูชวนให้สาวใดที่ได้ฟังต่างขวยเขิน รวมทั้งสายตาหวานชื่นที่ถูกส่งมาให้

 

เอนโซถอนหายใจ,

 

“อยากกลับบ้าน”

 

 

 

เมืองเอธานอร์ไม่เคยวุ่นว่าย แม้ผู้คนขวักไขว่ รถราสัญจรตลอดทางแต่ไม่เคยมีเสียงรอบข้างที่ชวนให้รำคาญหาเลยสักนิด ร่างสูงสะพายกีตาร์ตัวโตไว้เบื้องหลัง ในมือถือแฟ้มเอกสารที่สอดสมุดเล่มเล็กเอาไว้ในนั้น ส่วนเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ากอดกระดานวาดรูปและกระเป๋านักเรียนที่ถูกสะพายไว้ข้างหน้า เอนโซตกอยู่ในอาการที่เรียกว่า งอแง จากคิ้วที่ขมวดและใบหน้าที่ดูซึม ๆ

 

หลายครั้งที่เอลันดอร์ยกมือขึ้นสางกลุ่มผมนิ่มให้คิ้วเรียวทั้งสองคลายออก เป็นอย่างนั้นซ้ำไปตลอดทาง

 

บ้านเดี่ยวสองชั้นถูกรายล้อมด้วยรั้วสูงระดับอกพอให้ร่างสูงวางแขนเกาะรั้วมองเด็กหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในตัวบ้าน, เปลือกตาขาวกะพริบเนือย ๆ ใส่คนที่ไม่ออกเดินออกห่างจากตัวบ้านเขาสักทีทั้งที่ธุระหมดแล้ว แถมฟ้าเริ่มจะมืด

 

“ไม่ชวนเข้าบ้านหรอกนะ”

 

เอลันดอร์ขำพรืด, แม้ความคิดนั้นจะมีอยู่ในหัวเป็นส่วนน้อยเพราะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดจี้เสียตรงจุดก็เลยหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้

 

“รอเราเข้าบ้าน เดี๋ยวพี่ก็ไป”

 

เอนโซยังคงสีหน้าเดิม เท้าข้างหนึ่งขยับถอยหลังแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ขยับออกจากจุดเดิมแต่อย่างใด ยังคงจับจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน เอนโซไม่ได้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าหาตนเพราะอะไร แม้ในครั้งแรกและปัจจุบันจะมีแรงจูงใจที่ต่างกัน เป็นเดือนแล้วที่เอลันดอร์เทียวหยอกเอนโซอยู่เป็นประจำ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงการ— จีบ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขารู้สึกอยากเพิ่มระดับความสัมพันธ์เลย

 

“มักน้อยจัง”

 

เอลันดอร์แย้มยิ้ม “ก็แหม…” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงทั้งที่ริมฝีปากยังเหยียดเป็นรอยยิ้ม ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้อาการเก้อเล็ก ๆ

 

“ดูแล้วเราคงไม่ชอบพี่หรอก แต่พี่ชอบเรานะ”

 

คนอายุมากกว่าไม่ได้ตัดพ้อ เขาแค่พูดไปตามความจริงในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก สายตามองต่ำไปยังพื้นปูนหลังรั้วสีดำถูกแทนที่ด้วยรองเท้าคู่หนึ่งที่ก้าวมาหยุดยืนตรงนั้น เอลันดอร์เงยหน้า มองคนน่ารักของเขาที่ทำหน้างอไม่พอใจ

 

“ไม่ชอบ ?”

 

เอนโซทวนซ้ำ

 

“อือ…ก็ไม่ชอบหรอก” เด็กหนุ่มเดาะลิ้น “แต่ยอมเลิกซื้อกาแฟเองเพราะรู้ว่าพี่จะซื้อมาให้ ทั้งที่ผมจะซื้อเองทุกวันแล้วไม่รับก็ได้, จะทำให้ชอบได้หรือยัง ?”

 

แก้มของเอลันดอร์ชาวาบเหมือนถูกหมัดฮุคต่อยมาแรง ๆ ทั้งผิวที่เคยขาวยังกลายเป็นสีแดงแข่งกับท้องฟ้าเบื้องหลัง เอลันดอร์เลียริมฝีปาก ทำสีหน้าไม่ถูก ยิ้มไม่ออกเสียด้วยซ้ำ

 

“ผมก็ให้เล่น แก้มก็ให้จับ มือก็ให้กุม บ้านก็ให้มาส่ง” คนฟังยกมือห้ามปราม แต่ริมฝีปากน่ารักก็ยังเอ่ยออกมาไม่ปล่อยให้เขาหายใจได้สะดวก “คือพอใจแล้วใช่ไหม ไม่หวังมากกว่านี้แล้วใช่ไหม ?”

 

“คือ… คือ — ”

 

“ถ้ายังกั๊กทำตัวเป็นพระเอกอยากให้คนที่ชอบสบายใจ ก็ไม่ต้องมีหรอกแฟนน่ะ”

 

“เป็นแฟนกันไหม”

 

“เป็น”

 

คราวนี้ต่างคนต่างเงียบ, ดูแล้วเป็นฝ่ายเอนโซมากกว่าที่มีสีหน้าแปร่งไปกว่าเดิม กลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายตกหลุมพรางของตัวเองยังไงยังงั้น เปลือกตาของเอลันดอร์กะพริบอย่างแช่มช้า พวงแก้มยังคงเป็นสีแดงซ่านแม้เจ้าตัวพอจะตั้งสติของตัวเองได้แล้ว แน่นอน เขารู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป และอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าอะไร

 

“จุ๊บหน่อยครับ”

 

“อะไร”

 

“เป็นแฟนกัน จุ๊บหน่อย พี่จะกลับบ้านแล้ว”

 

เอนโซทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายฉีกยิ้มหน้าระรื่นชวนให้ประทับฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อ ๆ ของอีกฝ่ายจึงรู้ว่า อือ นั่นแหละอีกฝ่ายตามปกติ ไม่ได้ตกอยู่ในอาการเมารักเพ้อเจ้อไปเอง

 

เปลือกตาขาวหรี่ลง

 

เอลันดอร์คลายสีหน้าให้อ่อนลง เหมือนสุนัขตัวโตขอความรักจากเจ้าของ

 

“ฝัน- ”

 

ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วหันหลังเดินหายเข้าไปในบ้านของตัวเอง ปล่อยให้เอลันดอร์ยืนเก้ออยู่อย่างนั้นกับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ, อย่างที่เอนโซว่า ตอนนี้ได้แค่ฝันไปก่อน

 

เด็กน้อยไม่ใจอ่อนให้เร็ว ๆ นี้หรอก

 

กระดานวาดรูปถูกวางพักไว้บนขาตั้งอย่างเรียบร้อย ส่วนกระเป๋านักเรียนถูกปล่อยให้ร่วงจากแขนทั้งสองลงสู่พื้นอย่างไม่ใยดี เอนโซพาร่างของตัวเองไปทิ้งบนเตียงหนุ่มอย่างหมดสภาพ

 

— และส่งเสียงโอดครวญอัดที่นอน

 

เฮ้อ, สองมือปิดหน้า ยกขึ้นเสยเส้นผมหวังให้สมองปลอดโล่งแต่ก็ยังฟุ้งซ่านเหมือนเดิม

 

เอนโซไม่ได้เสียใจหรือคิดผิดที่ตอบรับไปอย่างไม่ทันยั้งปากตัวเอง เอลันดอร์เป็นคนที่น่าคบหา เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เปิดรับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ เพียงแต่บางเรื่องที่ยอมอ่อนข้อให้ก็เพราะเจ้าตัวไม่ใช่คนที่เลวร้าย ถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านี้หน่อยเขามองว่ายังไงตัวเองก็ต้องตอบรับที่จะคบหาด้วย

 

โทรศัพท์ของเอนโซไม่เคยแจ้งเตือนอะไรนอกจากสิ่งสำคัญที่ตัวเองตั้งเอาไว้ มือขาวหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แอปพลิเคชั่นสีเขียวแจ้งเตือนว่ามีผู้ติดต่อรายใหม่ เขาไม่รีรอที่จะกดยืนยัน

 

สติ๊กเกอร์หน้าตาสะเหล่อถูกส่งมาจากผู้ติดต่อรายนั้น เอนโซตอบเพียง . กลับไป

 

ไม่นานก็มีสายโทรเข้าจากอีกฝ่าย

 

“…”

 

“โผล่หน้ามาหาพี่หน่อยครับ”

 

เอนโซชะงักไปเล็กหน่อย ไม่ได้ส่งเสียงอะไรตอบกลับแต่รีบลุกไปแหวกม่านที่ระเบียง เด็กหนุ่มชะเง้อมองผ่านบานกระจกกั้น เอลันดอร์ยืนอยู่ข้างล่าง เจ้าตัวคงอยากโบกไม้โบกมือให้แต่มือที่ถือแฟ้มอยู่นั้นกลับไม่ว่าง

 

“พี่ชอบหนูนะ”

 

“…”

 

“พูดว่ารักเดี๋ยวจะหาว่าเวอร์ไป แต่พี่ชอบหนูมากจริง ๆ”
“ชอบมาก อยากดูแล อยากเอ็นดู อยากหอมหัว—”
“ด เดี๋ยว อย่าเพิ่งปิดม่าน ! อย่าวางสายนะ !”

 

เสียงโวยวายดังออกมาจากปลายสาย เอนโซผละมือถือให้ห่างจากใบหูปล่อยให้ปลายสายโวยวายออกมาด้วยความวิตก ร่างโปร่งย้ายตัวเองไปอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าพวงแก้มของตัวเองแดงซ่านไม่ต่างจากเอลันดอร์

 

“หนูครับ…ตอบพี่หน่อย”

 

มือถือถูกนำกลับมาแนบหูอีกครั้ง

 

“อือ…”

 

“ชอบนะครับ”

 

“รู้แล้ว”

 

สายถูกตัดไป เอลันดอร์ไม่ได้ใจเสียอย่างที่ควรจะเป็น เขากลับรู้สึกว่าเวลานี้คุ้มค่ามากแล้วสำหรับเขา และในวันข้างหน้ามันจะคุ้มยิ่งกว่าคุ้มไปอีก นิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความส่งไปหาอีกฝ่าย ระบบขึ้นคำว่า อ่านแล้ว แต่ไม่ได้มีการตอบกลับมาในทันที

 

สักครู่หนึ่ง เอนโซตอบกลับมา, เงยหน้า

 

เขาทำตาม

 

ในสายตาของอิแลนดอร์ ม่านสีขาวถูกแหวกออกมาเพียงเล็กน้อย เห็นแค่มือขาวที่โผล่มาโบกมือให้ พอเพ่งสายตาดี ๆ ถึงเห็นว่านิ้วเรียวกำลังขัดกันเป็นรูปมินิฮาร์ท ก่อนที่มันจะถูกชักหายไปหลังม่าน

 

: น่ารักจัง
อ่านแล้ว—

: รักเหมือนกันครับ
อ่านแล้ว—

*คุณส่งสติ๊กเกอร์*
อ่านแล้ว—

: พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะครับ
อ่านแล้ว—

 

: ไม่มารับเหรอ ?

: นึกว่าเป็นแฟนแล้วต้องมารับมาส่ง

: แต่ไม่ต้องหรอก

: ไกล

 

เอลันดอร์ขบริมฝีปากล่างของตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองได้เหยียดปากยิ้มอย่างเต็มที่ ขยับนิ้วตอบกลับไป

 

: ตื่นเช้า ๆ นะ เผื่อเวลาไปหาอะไรทาน
อ่านแล้ว—

 

: อือ

: กลับบ้านดี ๆ

: เลิกยิ้มสักที

 

คนถูกแซวขำพรืด, ใครจะไปทำได้ล่ะ ?

 

: ครับแฟน
อ่านแล้ว—

 

: ทำให้ได้ก่อนค่อยพูด

: คุณแฟน

 

 

 

ใส่ความเห็น