Who’s the daddy? #Jachary

Title: Who’s the daddy?
Pairing: Zach Herron × Jack Avery
Rate: PG
Note: Mpreg นะคะ แต่เบา ๆ ไม่หนักสมอง

 

 


 

 

มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เข้ามาทำในสายงานเกียวกับดนตรี ผู้คนอาจจะได้เห็นคนที่ประสบความสำเร็จ—แน่นอนสิ เพราะคนอีกกลุ่มที่ไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนนั้น จะไม่ถูกจารึกและจดจำชื่อของพวกเขาไว้

 

 

นับเป็นโชคและผลตอบแทนความพยายามอย่างหนักในการไล่ตามความฝัน แจ็ค อเวรีคือหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ ถึงแม้จะโด่งดังเทียบกับนักแต่งเพลงคนอื่น ๆ ไม่ได้ แต่อัตราเจริญเติบโตในระยะสองปีเป็นสิ่งยืนยันว่าเขาทำมันได้ และสมควรได้รับมัน

 

 

ถึงแม้ในตอนแรก…เรื่องลูกสาวของเขาอาจทำให้ใครต่อใครมองข้ามมันไปก็ตาม

 

 

ใช่ แจ็คมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน

 

 

เขาทำพลาดในวัยเพียง 19 ปี โดยไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง

 

 

ในเวลานั้น เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตาเพราะอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็ได้เข้าไปสู่วงการดนตรีที่ใฝ่ฝันมาโดยตลอด…และเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แจ็คต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

 

เขาไม่เคยกล่าวโทษอีกหนึ่งชีวิตที่มีเลือดเนื้อของตัวเองปะปนอยู่ด้วย และต้องขอบคุณที่ตัวเขาเกิดมาในครอบครัวที่ Positive Thinking โคตร ๆ และแจ็คเองก็มองว่าทุกชีวิตมีคุณค่าและสมควรได้ใช้มัน

 

 

เขาเลยเลือกที่จะให้เด็กคนนี้มีชีวิตต่อไป

 

 

แจ็คเริ่มทุกอย่างใหม่ในช่วงอายุที่กำลังจะย่างเข้า 21 เขาพยายามอย่างหนักในการพิสูจน์ทั้งความมุ่งมั่น…และเขาทำมันสำเร็จ ทุกความพยายามมีผลตอบแทน ขึ้นอยู่กับว่ามันจะมากน้อยและพอใจกับมันขนาดไหน

 

 

แจ็ค อเวรีในวัย 24 ปี ประสบความสำเร็จทั้งในด้านอาชีพ ชื่อเสียง รวมถึงครอบครัว…ใช่ ครอบครัวทุกคน และอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดจากเขาก็เช่นกัน

 

 

“เจนนา— เจน !”

 

 

เสียงทุ่มแปล่งร้องเรียกชื่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนพร้อมยกมือกวักให้เด็กสาววิ่งมาหาตน เมื่อเห็นดังนั้นดวงตาใสแจ๋วก็ประกายความดีอกดีใจและโผเข้าหา—คุณพ่อ ของตัวเองทันที

 

 

“มารับแล้วค่ะ วันนี้เรามีเดทกัน”

 

 

เด็กสาวหัวเราะคิกคักเมื่อแก้มทั้งสองถูกฉกชิงไปเสียฟอกใหญ่ ท่อนแขนเล็กคล้องที่ลำคอของร่างสูงโปร่งเมื่อฝ่ายนั้นอุ้มเธอขึ้นมา

 

 

“เจนนาอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ ?”

 

 

“เปียโน… เปียโน !”

 

 

มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยเพราะเด็กสาวโตขึ้นมากับเสียงเพลงและเสียงดนตรี…แจ็คจึงตอบรับคำขอนั้นโดยไม่มีข้อแม้

 

 

หลังจากหาอะไรใส่ท้องได้แล้วเขาจึงสับเท้ามาที่ร้านขายอุปกรณ์การดนตรีโดยเลือกที่จะอยู่ในโซนสำหรับเด็ก

 

 

เปียโนแบบมีขาตั้งและเก้าอี้ประกอบถูกสั่งซื้อและจะจัดส่งถึงบ้านภายในสามวันโดยมีเด็กสาวร้องเย้ว ๆ อยู่ตลอดการทำรายการซึ่งเรียกความเอ็นดูจากผู้ขายได้อย่างมาก และแทนความขอบคุณ แก้มขาวของแจ็คจึงถูกมอบจูบน้อย ๆ ให้

 

 

“อยากไปไหนต่อไหมคะ ?”

 

 

หลังออกจากร้านมาเดินกินลมชมวิวได้พักใหญ่ ๆ เขาจึงก้มลงไปถามความเห็นจากลูกสาวที่เริ่มจะตาปรือ เด็กสาวส่ายหน้าแทนคำการพูด มันคงได้เวลาที่เราจะกลับที่พักสักที

 

 

“งั้นกลับบ้านเรากัน”

 

 

เขาจึงเปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังที่พักของตน

 

 

“แจ็ค— แจ็ค อเวรี !”

 

 

ขาก้าวไปได้สักครู่ใหญ่ ๆ ก็มีเสียงเรียกไล่หลังมา แจ็คเลยต้องหยุดเดินแล้วหันกลับไปยังเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อของตน…เบื้องหลังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาด้วยอาการกระหืดกระหอบ แจ็คไม่แปลกใจนักหรอกหาจะมีแฟนคลับมาร้องเรียกอะไรแบบนั้น เพราะตลอดวันใช่ว่าจะไม่มีใครแอบถ่ายภาพของตนกับลูกสาว เพียงแต่พวกเขาคงไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของเขาเลยไม่ได้เข้ามาทักทาย

 

 

แต่ที่เขาตกใจเป็นเพราะอาการเหนื่อยหอบและเม็ดเหงื่อมากมายตามกรอบหน้าเยาว์ของอีกฝ่าย

 

 

อีกฝ่ายก้มหน้ายืนหอบอยู่พักใหญ่ ๆ หลังวิ่งมาหยุดต่อหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจะพูดอะไรสักอย่างกับเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับชะงักไปเพราะสายตาเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่ผล็อยหลับไปแล้ว

 

 

เด็กหนุ่มนิรนามกลืนน้ำลายอึกใหญ่

 

 

“พี่…พี่— คือ…”

 

 

“ครับ ?”

 

 

อีกฝ่ายพยายามจะเรียบเรียงคำพูด แต่สุดท้ายก็ตบเข้าที่กลางหน้าผากของตัวเอง

 

 

“เรื่องนี้มันแปลกมาก แต่…เอางี้ พี่จำผมได้ไหม ?”

 

 

ร่างเล็กกว่ามีสีหน้างงเป็นไก่ตาแตก อยู่ ๆ มีใครไม่รู้มาวิ่งตามแล้วก็เริ่มด้วยการถามว่าจำตนได้ไหม…แน่นอนสิว่า—

 

 

“ไม่…เราเคยเจอกันเหรอ ?”

 

 

คนตรงหน้าดูอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะร้อง เอ้อ…ออกมาพร้อมยกมือลูบท้ายทอยของตัวเองไปด้วย แต่แจ็คก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ต่อ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงอีกฝ่ายคงไม่วิ่งหน้าตาตื่นตามเขามาหรอก

 

 

“พี่…จำเมื่อสี่หรือห้าปีก่อนได้ไหม ที่พี่ไปสังสรรค์หลังจบรุ่น”

 

 

คนถูกถามพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะนึกย้อนเหตุการณ์เกือบหนึ่งปีให้หลังหลังจบการศึกษาไป…และแล้วความทรงจำของเขาก็เริ่มประติประต่อเรื่องราวบางอย่างที่เขาลืมที่จะนึกถึงมันไป

 

 

“ว— วันนั้นพี่เมา พี่จำไม่ได้หรอกว่าพี่เผลอไปนอนกับใคร”

 

 

“…”

 

 

“แต่…ผมจำได้”

 

“ผมเป็นพ่อเด็ก”

 

“…ผมเป็นพ่อเด็กคนนี้”

 

 

แจ็คถอยกรูดทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องพูดให้จบด้วยซ้ำ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าตาตื่นสับเท้าตามไปแต่ไม่กล้าที่จะคว้าแขนหรือกระชากตัวมาหาไม่ให้หนีไปไหนเพราะยังมีอีกร่างที่เจ้าตัวกำลังอุ้มอยู่ด้วย

 

 

“ผมพูดจริง ๆ นะ—ผม…ผมนอนกับพี่คืนนั้น และผมมั่นใจว่าตัวเองเป็นพ่อเด็ก”

 

 

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะไม่อยากจะเชื่อคำพูดของคนตรงหน้าสักเท่าไหร่…หากถามความเป็นไปได้ ก็อาจจะจริง ใช่ว่าการแพทย์จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้สักหน่อย

 

 

แต่…ไม่รู้สิ ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว หากอีกฝ่ายเป็นพ่อของเด็กจริง ทำไมถึงเพิ่งจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเิาตอนนี้ เพราะชื่อเสียงของเขารึเปล่า

 

 

“เชื่อผมเถอะ”

 

 

“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ…แต่ทำไมถึงเพิ่งบอกเอาป่านนี้ ?”

 

 

สีหน้าของแจ็คดูไม่พอใจ

 

 

“พี่—ตอนนั้นผมอายุแค่สิบหก และ…และ ใครจะไปรู้ล่ะว่าพี่จะท้อง แถมหลังจากวันนั้นผมก็ต้องกลับเท็กซัส ที่นี่แคลิฟอร์เนียนะ ! พ่อแม่ไม่ปล่อยผมเดินทางแบบนี้เองหรอก…”

 

 

“…”

 

 

“อีกอย่าง…ผมไม่มีคอนแทคพี่สักหน่อย คิดว่าพี่คงจะจำผมไม่ได้ด้วย”

 

 

“…”

 

 

“แต่พอผมเห็นพี่ทางทีวีเมื่อปีที่แล้ว—และ และเห็นลูกของพี่…ตอนนั้นผมมั่นใจว่าต้องเป็นลูกผม ผมเลยเพิ่งมา”

 

 

แจ็คมีสีหน้าที่ปั้นยาก…ทั้งหมดที่อีกฝ่ายกล่าวมาไม่มีส่วนไหนให้แย้งเลยเพราะมันเป็นความจริงทั้งหมด เราไม่รู้จักกันโดยส่วนตัว และแจ็คปิดเรื่องตัวเองและลูกมาหลายปีจนกระทั่งสองปีก่อนที่ผู้คนได้รับรู้

 

 

มันก็คงจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่า

 

 

เขาถอนหายใจออกมาเสียยกใหญ่

 

 

“โอเค…โอเค ขอบคุณที่มาบอกนะ ฉันเลี้ยงเธอได้ ไม่เป็นไ—”

 

 

“แต่งงานกับผม”

 

 

รอยยิ้มที่ตั้งใจจะส่งให้แทนคำขอบคุณหายไปในทันที

 

 

“ผมเป็นพ่อเด็ก แต่งงานกับผมนะ”

 

 

แจ็คอยู่ในอาการช็อคค้างจนไม่ทันได้เดินหนีคนที่มาคว้าหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสอง เปลือกตาขาวกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะมีสีหน้าอ่อนลงอย่างหน่ายใจ

 

 

“นี่—ไอ้หนู นายเป็นพ่อเด็กก็จริง แต่ฉันไม่ได้ขอให้นายมารับผิดชอบสักหน่อย”

 

 

แจ็ครู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ในแววตาคู่ตรงหน้ากำลังสื่อถึงเขาเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังทลาย ซึ่งเขาเองก็ทำตัวไม่ค่อยถูก…ที่ผ่านมาเขาเลี้ยงลูกสาวมาด้วยตัวเอง และไม่เคยนึกถึงหรือร้องหาคนที่เป็นพ่อของเด็ก

 

 

…เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

 

 

“ไม่สิ…คือ ก็ใช่ แต่— โธ่เว้ย !”

 

 

มือแกร่งผละจากไหล่ทั้งสองข้างไปขยี้เส้นผมที่เซิงอยู่แล้วจนเริ่มไม่เป็นทรงด้วยความหัวเสีย

 

 

อีกฝ่ายเม้มปากแน่น

 

 

“ผม…ผมรู้ ผมรู้พี่จำผมไม่ได้ แต่ผมเคยชอบพี่นะ”

 

 

“…”

 

 

“ตอนวันจบ— ผมได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมขยิบตาให้พี่ด้วย และพี่…พี่ก็หัวเราะให้ผม !”

 

 

โอ้โห…

 

 

แจ็คเผลออุทานออกมาในใจเพราะคำบอกเล่าจากปากอีกฝ่าย พูดตามตรงเวลาขนาดนี้ แถมมีเรื่องราวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาทุกวัน…เขาจำเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้หรอก

 

 

แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อที่อีกฝ่ายเล่า

 

 

“แล้ว…ยังไงต่อ ?’

 

 

อีกฝ่ายชะงักไป

 

 

“ก็…เด็กคนนี้เป็นลูกของผม”

 

 

“…”

 

 

“ผมรู้— ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้ขอให้รับผิดชอบ” เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะได้แย้งอะไร “แต่ผมอยากทำหน้าที่นั้นนะ…แบบ คนในครอบครัวอะ”

 

“ผมยังชอบพี่อยู่นะ”

 

“ถ้า…ถ้าตอนนี้พี่ไม่ตกลงแต่งงานกับผม—งั้นให้โอกาสผมจีบพี่ได้มั้ย”

 

 

เด็กหนุ่มทำสีหน้าเว้าวอนและจ้องคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างคาดหวัง ซึ่งเจ้าตัวน่ะเหรอ…เอาแต่ทำสีหน้าประหลาด ๆ

 

 

แล้วก็ขำพรืดออกมา

 

 

“…”

 

 

มือขาวยกขึ้นปิดปากก่อนเคลื่อนไปลูบแผ่นหลังของเด็กสาวที่หลับตาอยู่เพื่อเช็คว่าเธอไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่น

 

 

แจ็คเบนสายตากลับไปหาคนที่กำลังทำสีหน้าเหวอ ๆ ไม่รู้สิ บางอย่างในตัวของอีกฝ่ายทำให้เรารู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่แย่อะไร หนำซ้ำ…รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองมากเสียด้วย

 

 

“ก็ไม่ได้ปิดกั้นใครสักหน่อย…”

 

 

“…”

 

 

“พยายามเอาเองแล้วกัน— ชีวิตฉันไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิมนาน ๆ นะ”

 

 

เด็กหนุ่มยังคงอ้าปากค้างอยู่อีกครู่ใหญ่ ๆ ก่อนที่ใบหน้าเยาว์จะฉีกยิ้มกว้างแล้วร้อง เยส! ออกมาเบา ๆ พร้อมกระโดดไปมาอยู่ไม่สุข

 

 

จนอีกฝ่ายเลิกออกอาการแล้วนั่นแหละ เจ้าตัวถึงหันมายิ้มกว้างให้เขา

 

 

“ผม…ผมชื่อแซค เฮอร์รอน”

 

“ตอนนี้จำชื่อของผมไว้ก่อน แล้ววันนึง…พี่จะได้จำผมในฐานะสามี”

 

 

ใส่ความเห็น